วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

mv พิมพ์คำว่ารักเอาไว้ไม่กล้าส่ง



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.youtube.com/

ทะเลแหวก

ทะเลแหวก






ทะเลแหวก ลึกล้ำเข้าไปกลางทะเลลึกแห่งอันดามัน ช่วงเวลาหนึ่งที่เรานั่งเรือชมเกาะรูปร่างสวยงามแปลกตา ใครจะเชื่อว่า อีกชั่วข้ามเวลาหนึ่งทะเลที่เราผ่านมาชั่วครู่ จะลดระดับน้ำดุจทะเลแหวกออก จนกลายเป็นหาดทรายขาวสะอาดเชื่อมเกาะสามเกาะอย่างอัศจรรย์ ทะเลแหวกเป็นกลุ่มของเกาะ 3 เกาะ ที่มีหาดทรายเชื่อมติดกันได้แก่ เกาะทับ เกาะหม้อ และ เกาะไก่ ท่านสามารถเดินข้ามจากเกาะไก่ไปยังเกาะทับได้ในยามน้ำลง หากจะให้ดีก็ควรจะเป็นในช่วงน้ำลงต่ำสุดในแต่ละวัน โดยเฉพาะในวันก่อนและหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน ในอดีตนักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือ มาตกปลา มากางเต้นท์ นอนนับดาวในคืนเดือนแรม หรือชมแสงจันทร์ในคืนเดือนเพ็ญ ค้างคืนบนเกาะได้ แต่ปัจจุบัน ไม่อนุญาตให้นอนค้างแรมบนเกาะแล้ว ทะเลแหวกถือว่าเป็นไฮไลท์สำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของกระบี่เลยทีเดียว มาเที่ยวทะเลกระบี่ทั้งที ต้องมาเที่ยวทะเลแหวกให้ได้สักหนึ่งหน
เกาะทัพ เป็นเกาะเล็กๆ มีหาดทรายเฉพาะด้านใต้ ยามน้ำลด หาดทรายทางด้านใต้นี้ จะเชื่อมต่อกับแนวสันทรายของเกาะปอดะนอก กลายเป็นสะพานธรรมชาติยาวประมาณ 200 เมตร แม้จะเป็นหาดทรายเล็กๆ แต่เม็ดทรายละเอียดและขาวมาก น้ำทะเลใส
เกาะหม้อ เป็นโขดหิน ไม่มีชายหาดให้ขึ้นไปบนเกาะ น้ำทะเลใสสะอาด เกาะหม้อ อยู่ห่างจากเกาะทัพ
เพียง 70 เมตร หากน้ำลดจะมีสันทรายเชื่อมต่อกัน สามารถเดินจากเกาะหนึ่งไปอีกเกาะหนึ่งได้

เกาะปอดะนอก หรือ เกาะไก่ หรือเกาะด้ามขวาน เกาะรูปร่างประหลาด ซึ่งกลายเป็นที่มาของชื่อเกาะอันหลากหลาย เนื่องจากชะง่อนผาที่ยื่นออกมาทางด้านใต้ ทำให้ผู้พบเห็นเกิดจินตนาการต่างๆกันไป บ้างก็เห็นเกาะคล้ายกับส่วนหัวของไก่ บ้างก็เห็นเป็นด้ามขวานที่วางตั้งอยู่ แต่ฝรั่งตาน้ำข้าวกลับมองเห็นเป็นป็อบอาย ตัวการ์ตูนดังในสมัยยังแรกรุ่น หรือบางท่านอาจจะยังอยู่ในวัยอ่อนเดียงสา กำลังนอนคาบไปป์อย่างมีความสุข ท่านสามารถดำผิวน้ำชมปะการังน้ำตื้น หรือปะการังแข็งได้ที่เกาะไก่นี้ แต่ความสมบูรณ์ของปะการังก็คงไม่อาจเทียบเท่ากับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่ห่างไกลจากผืนแผ่นดินใหญ่ ความประทับใจที่ท่านจะได้พบ ก็คงจะเป็น หาดทรายขาวทอดยาว เคียงคู่ไปกับน้ำทะเลสวยใส กับปลาลายเสือฝูงใหญ่ ที่มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ ที่มักจะมารอคอยต้อนรับ และ พร้อมที่จะเล่นกับผู้มาเยือนอยู่เสมอ



ขอขอบคุณขอมูลจาก
http://phangngacity.com/













วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

นิยามของคำว่า "กิ๊ก"

นิยามของคำว่า "กิ๊ก"


 
ฉันหรือเธอที่เผลอใจ...... “กิ๊ก” อย่างไรไม่ให้รู้สึกเจ็บ เงื่อนไขของคำว่า “กิ๊ก” ซึ่งมีอยู่ว่า


1. ห้ามหึง ห้ามหวง แต่ห่วงได้

2. มีอะไรกันได้แต่ไม่ใช่ของกันแล้วกัน


3. ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องมากเกินเหตุ

4. ห้ามใช้กิ๊กร่วมกับแฟน


5. กิ๊กอาจเปลี่ยนสถานะได้และห้ามเศร้า







6. ถ้ากิ๊กจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนโดยไม่ใช่เราห้ามฟูมฟาย ต้องยอมรับด้วยความยินดี และค่อยตกลงกันทีหลังว่าจะกิ๊กต่อไปหรือไม่


7. ไม่จำเป็นต้องเทคแคร์กันเกินเหตุ เพราะเป็นแค่กิ๊ก


8. กิ๊กไม่ได้จำกัดจำนวน เป็นอินฟินิตี้ ไม่จำกัดเพศ วัยและสถานภาพ ถ้าไม่กลัวตายเพราะ เอดส์


9. กิ๊กสำคัญรองจากแฟน

10. กิ๊กยังไงก็เป็นกิ๊กต้องเจียมตัว



หากทำตามกฎทั้ง 10 ข้อ คำว่าเจ็บคงไม่เกิดขึ้น แต่ด้วยเหตุผลของจิตใจ อันห้ามมิได้ของมนุษย์ ทำให้กิ๊กหลายๆ คน ก้าวข้ามเส้นแบ่งพรมแดนแห่งคำว่าอิสระ มาผูกพันกันและกันอย่างลืมตัว และสุดท้ายย่อมมีพระเอก นางเอก หรือตัวอิจฉา ตายตอนจบทุกครั้ง





ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://hilight.kapook.com/view/10124

พระคุณของครู

พระคุณของครู



ศิษย์ซาบซึ้งหนึ่งในความรักแท้



ท่านดูแลศิษย์รักเป็นหนักหนา


ยามยากไร้ท่านประครองเราเรื่อยมา


ช่วยนำพาสอนให้เป็นคนดี


แม้ทำผิดแค่ไหนใครไม่ชอบ


ท่านก็ปลอบพรํ่าสอนไม่หลีกหนี


จะถูกผิดอย่างไรล้วนปรานี


มากไมตรีลํ้าเลิศประเสริฐงาม


พระคุณครูคู่ไทยใจเคารพ


เรายังพบท่านได้เพื่อไต่ถาม


ท่านแนะนำสิ่งที่ดีเราทำตาม


ให้ได้นามว่าเรานี้เป็นเด็กดี


ท่านเป็นครูที่ให้คำปรึกษา


ควรบูชายกย่องไม่หน่ายหนี


พร้อมสรรเสริญคุณงามและความดี


ศิษย์พร้อมพรักผู้นี้มิลืมคุณ




พระคุณครู


........อันคุณครูคำนี้มีความหมาย อันหลากหลายคำพูดจะกล่าวถึง


คือผู้ให้ทรัพย์วิชาน่าคำนึง คือผู้ซึ้งอบรมให้ทำดี


อีกครูนี้เหมือนพ่อแม่คนที่สอง ครูจึงต้องอดทนต่อหน้าที่


เพียรสั่งสอนเป็นแม่พิมพ์ศิษย์มากมี เรือจ้างนี้น้ำใจงามนามว่าครู......




....พระคุณครู......


......แสงสาดส่องจากแม่พิมพ์อันน้อยใหญ่......


......เปรียบครูไทยทั่วทุกทิศที่พร่ำสอน......


......ฝึกหัดศิษย์เขียนอ่านชาญบทกลอน.....


......มิเกี่ยงงอนงานหนักเบาที่เข้ามา.......


......แม้เหนื่อยยากเท่าใดไม่เคยบ่น........


......หวังให้ศิษย์ทุกคนมีการศึกษา.......


......เป็นกำลังสร้างชาติไทยวัฒนา........


......ปวงประชาภูมิใจให้เกียรติครู.......






พระคุณครู


พลังแห่งแม่พิมพ์ผู้สร้างชาติ


ก่อให้เกิดนักปราชญ์ชาญศึกษา


เป็นกำลังให้ชาติพัฒนา


ซึ่งนำพาความรุ่งเรืองสู่ผองไทย


มาถึงวันสำคัญอาจารย์ศิษย์


ควรนึกคิดถึงพระคุณที่ท่านให้


ท่านอุตส่าห์เสียสละมาเท่าใด


ควรจำไว้และตอบแทนพระคุณเอย



.........พระคุณครู


อันครูนี้มีพระคุณมากมายยิ่ง


ให้รู้จริงรู้แจ้งแถลงไข


ช่วยนำทางชีวิตให้ก้าวไป


ในวันใหม่วันนั้นที่รอคอย


เมื่อพวกเราประสบผลสำเร็จ


ผ่านความเหน็จความเหนื่อยล้ามาใช่ย่อย


ถึงตอนนี้พวกเราเดินตามรอย


มาเรียงร้อยมาลัยถวายครู




...........พระคุณครู


ครูคือแม่ที่สองของลูกศิษย์


ใคร่ควรคิดตั้งใจใฝ่ศึกษา


ให้เล่าเรียนประเทืองเรืองวิชา


ไม่พึ่งพายอาเสพย์ติดคิดให้ดี


โอ้ครูจ๋าหนูขอขอบคุณยิ่ง


ทุกทุกสิ่งที่ครูให้จากใจนี้


ศิษย์ขอน้อมประพฤติตนเป็นคนดี


ให้สมที่ครูให้วิชาการ






...พระคุณครูมีค่าจนเหลือล้น.....ครูทุกคนเปรียบได้แม่ที่สอง


ท่านสอนให้ลูกศิษย์นั้นปรองดอง.....ช่วยประคองให้ความรู้ตลอดมา


...เวลาเรียนเราเรียนรู้หน้าที่.....เป็นคนดีของชาติศาสนา


ตอบแทนท่านด้วยการตรงเวลา.....มีสัมมาคาระวะต่อท่านเอย
พระคุณครูเปรียบดังเเสงสว่าง.............ช่วยส่องทางลูกศิษย์พิศมัย


ให้ความรู้ชูก้านคิดการไกล...............เพื่อใดจะสำเร็จเป็นปัจจัย
อันเราซึ้งพระคุณเเม่พิมพ์ชาติ...........ท่านหมายมาดอกรมบ่มนิสัย


ปันความรู้สอนศิษย์และห่วงใย........ชีวิตไกลควรขยันหมั่นพากเพียร






พระคุณครู


...........พระคุณครูนั้นยิ่งใหญ่เหนือสิ่งใด..........


...........เป็นผู้ให้ความรู้วิชาการ..................


.............สั่งสอนให้รับผิดชอบในการงาน.......


..........ตลอดการประจักษ์ในพระคุณครู.........


............หน้าที่ของคูรนั้นดั่งเรือจ้าง...........


...........คอยนำทางเยาวชนให้ความรู้..........


..........ทั้งสั่งสอนห่วงใยและเฝ้าดู.............


............ให้ไปสู่ถึงฝั่งอย่างมั่นคง..............






.....คุณครูคือแม่พิมพ์ของชีวิต


ผู้กอบกิจให้ศิษย์มิอดสู


อันทุกข์ใดไขยากท่านช่วยดู.


ให้เรารู้ถูกผิดพิจารณา


.....ที่ขึ้นชื่อคือความเจ้าระเบียบ


สิ่งใดเปรียบเทียบเทียมมิอาจหา


อันความรักมีได้แต่มา


มิล้นฟ้าเท่ารักจากคุณครู....


..................พระคุณครู


เราเกิดมาต้องศึกษาหาความรู้


มีคุณครูคอยอบรมและสั่งสอน


คอยแนะนำสิ่งต่างต่างไม่นิ่งนอน


ไม่จากจรช่วยศิษย์อย่างจริงใจ


อาจารย์เปรียบเสมือนที่ปรึกษา


สอนให้เราได้ก้าวหน้าอย่างสดใส


สอนให้เรามีชีวิตก้าวต่อไป


ชีวิตเราสำเร็จได้ก็เพราะครู



พระคุณครู


พระคุณครูเปรียบได้ดั่งเรือจ้าง....................คอยนำทางตามศิษย์ที่คิดฝัน


สอนอาชีพอบรมทุกคืนวัน..........................หวังให้ศิษย์ของตนนั้นเป็นคนดี


มีสัมมาคารวต่อผู้ใหญ่................................มีนำใจนักกีฬาพาสุขขี


มารยาทของเราต้องพึงมี............................เป็นสิ่งที่จะช่วยตอบแทนคุณ




......................ครูเปรียบเหมือนแสงเทียนส่องสว่าง


ช่วยนำทางให้ศิษย์เดินไปหน้า


สู่ความหวังที่เราได้ตั้ตา


ได้พกพาสิ่งดีติดตัวไกล




........................หากวันใดศิษย์นี้ได้ทำผิด


ท่านไม่คิดแต่ชี้ทางให้แก้ไข


ครูเป็นผู้รักเราสุดดวงใจ


เราควรใฝ่ทำดีทดแนคุณ




.........อันนักเรียนซึ้งพระคุณแม่พิมพ์ชาติ


ท่านหมายมาดอบรมบ่มนิสัย


ปันความรู้สั่งสอนศิษย์และห่วงใย


ชีวิตไกลควรขยันหมั่นพากเพียร


.........ณ วันนี้เรสำเร็จการศึกษา


หลากวิชาหลายแขนงมิแปรเปลี่ยน


ครูนั้นนำแสงสว่างดั่งเปลวเทียน


ตั้งใจเรียนน้อมนบตอบแทนคุณ


.........อันนักเรียนซึ้งพระคุณแม่พิมพ์ชาติ


ท่านหมายมาดอบรมบ่มนิสัย


ปันความรู้สั่งสอนศิษย์และห่วงใย


ชีวิตไกลควรขยันหมั่นพากเพียร


.........ณ วันนี้เรสำเร็จการศึกษา


หลากวิชาหลายแขนงมิแปรเปลี่ยน


ครูนั้นนำแสงสว่างดั่งเปลวเทียน


ตั้งใจเรียนน้อมนบตอบแทนคุณ




คำว่าครูคำนี้มีความหมาย............แปลความได้มากมายหลายภาษา


ทั้งเป็นแม่คนที่สองสอนวิชา..........มีคุณค่ามากมายแทนคำครู


ถึงวันนี้รำลึกพระคุณท่าน................ที่สอนการงานเขียนให้พวกหนู


สอนวิธีจดจำและเรียนรู้....................ให้เชิดชูอยู่ได้ในสังคม




....... พระคุณครูนั้นมีตั้งมากมาย..............คุณครูหมายให้เราได้ศึกษา


เมื่อเรานั้นเติบใหญ่โตขึ้นมา.....................มีวิชาเลี้ยงกายก็เพราะครู


.......ครูนั้นสอนให้เราได้เฉลียว..................ไม่ข้องเกี่ยวยาเสพย์ติดให้อดสู


ควรตอบแทนพระคุณให้ท่านดู................ให้ท่านรู้เราดีได้เพราะครูเอย


พระคุณครูเป็นสองรองพ่อแม่.......แม้ท่านนั้นไม่ใช่ญาติสนิท


แต่ท่านนั้นก็สอนให้เราคิด...............ไม่ได้ปิดกีดกันความรู้เรา


เราต้องเรียนให้ดีสมท่านให้.........ที่ครูสอนเราไว้เพื่อมิเขลา


และให้เราไม่มั่วสิ่งมัวเมา................เพื่อตัวเรานั้นดีต่อไปเอย.






พระคุณครู


.......จงเทิดทูนบูชาอาจารย์ยิ่ง.. แม้ความจริงท่านจะดุด่าเจ้า


แค่หวังให้พากเพียรครั้งยังเยาว์.. ไม่มัวเมากลวกกลั้วพวกพาลา


.......ไคร่ครวญคิดตอบแทนพระคุณท่าน.. ตั้งใจเรียนฝึกอ่านเขียนเพียรศึกษา


ประพฤติตนเป็นคนดีมีสัมมา........ เคารพและบูชากว่าสิ่งใด






พระคุณของคุณครู


ขอกราบเท้าคุณครูที่เคารพ ขอน้อมนบช่วยฝึกหัดดัดนิสัย


ครูเปรียบดั่งร่มโพธิ์และร่มไทร ทีช่วยให้ลูกศิษย์เป็นคนดี


พระคุณของคุณครูนั้นใหย่หลวง เราทั้งปวงควรตอบแทนพระคุณนี้


ควรรู้คุณจนกว่าวายชีวี เป้นเด็กดีของคุณครูตลอดไป






..............................พระคุณครู.................................


ใครกันเล่าเฝ้าสอนเราตั้งแต่เด็ก...............ตั้งแต่เเล็กสอนวิชาให้พูนผล


คือครูแท้ไไม่มีอะไรปน................สอนให้เราเป็นคนดีตลอดมา


ไม่มีครูคนไหนสอนเราผิด.................สอนให้คิดแก้ไขกับปัญหา


พระคุณครูเรานี้นับพรรณนา..................เกินจะหาสิ่งใดมาตอบแทน




ย้อนอดีต วัยเยาว์ ยังเขลานัก


ครูพร่ำสอน ให้รู้จัก รักหนังสือ


ครูสอนอ่าน สอนเขียน เพียรฝึกปรือ


ครูจับมือ น้อยน้อย ค่อยลากตาม


นาน..แสนนาน นานนัก จากวันนั้น


ศิษย์เรียนผ่าน หลายชั้น ไม่เกรงขาม


หมั่นศึกษา ค้นคว้า พยายาม


จนงอกงาม รุ่งเรืองนี้ เพราะมี "ครู"


ที่สิบหก มกรา วันทาท่าน


ครูอาจารย์ ศิษย์รำลึก ถึงทุกผู้


ร้อยวจี แทนมาลัย ไหว้คุณครู


ขอเชิดชู พระคุณท่าน ชั่วกาลเทอญ




ครู ... ผู้ให้ศิษย์น้อม ................. กราบกราน


ครู ... ประสาทศิลปาการ ........... มอบให้


ครู ... สละด้วยดวงมาลย์ ........... เต็มเปี่ยม


ครู ... ศิษย์น้อยนี้ไซร้ ................. นบไหว้กราบครู


ครู.....คอยชี้แนะให้...............ปัญญา


ครู.....ใส่ใจศิษย์พา..............ฝึกเฟ้น


ครู.....เปรียบดั่งนาวา............ขนส่ง คนแฮ


ครู.....สั่งสอนมิเว้น.............ศิษย์ได้ศึกษา.........


ขออนุญาตยกเอาสองบทหลังของคุณอิ่มไปไว้ที่หน้าแรกของ










คุณน้าไผ่คะ อิอิอิ อิ่มยังเขียนบ่อเข้าท่าเน้อ...ถ้าคุณน้าไผ่คิดว่ามันเป็น


ประโยชน์พอใช้การใช้งานได้ อิ่มก็ยินดีรับใช้ ค่ะ


เก็บหญ้าแพรกแตกกอและช่อเข็ม


มะเขือเล็มเพียงดอกออกม่วงขาว


อีกธูปหอมเทียนแพแลดูพราว


นบในคราววันสิบหกมกราคม


ไหว้พุทธองค์ทรงนำธรรมสั่งสอน


ไหว้บิดรมารดา ก. กา ปฐม


ไหว้คุณครู ผู้ต่อเติมสริมอบรม


ไหว้ประสบการณ์สั่งสมให้ชำนาญ

ไหว้น้าไผ่กองามนาม "ไพจิตร"


ที่อุทิศไมตรีที่แสนหวาน


เติมเทคโนโลยีวิชาการ


"ห้องสีชมพู"ตระการเพราะ "ครูไพ"


ครูท่านใดล่วงลับ พร้อมสรรพสุข


ครูใดทุกข์ทุกข์หายกลายสดใส


ครูใดโศกโศกดับลาลับไป


กราบด้วยใจศรัทธาบูชาครู







ขอขอบคุณขอมูลจาก
http://www.mettadham.ca/teacher's%20poem.htm









พระคุณของพ่อแม่


ความผูกพันของพ่อแม่ที่มีต่อลูกและหน้าที่ที่ลูกจะกระทำตอบแทนต่อพ่อแม่ล้วนมีความสำคัญ ธรรมดาว่าคนเราทุกคนที่เกิดมาบนโลกย่อมมีพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด เป็นผู้ให้ชีวิต บำรุงเลี้ยงดูด้วยข้าวน้ำและให้ดื่มน้ำนม (โลหิตในหทัย) เป็นต้น แล้วเฝ้าถนอมเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ที่สำคัญยิ่งกว่านี้พ่อแม่ยังอบรมสั่งสอนลูกให้รู้จักผิดชอบชั่วดี ให้ศึกษาเล่าเรียนศิลปะวิทยาการต่างๆ หาภรรยาที่เหมาะสมให้แก่บุตร มอบทรัพย์สมบัติให้เป็นต้นทุนในการเลี้ยงชีวิต เพราะเหตุนั้น บุตรทุกคนควรใส่ใจนึกถึงอุปการคุณที่ท่านทั้งสองกระทำไว้ให้ก่อนแล้วทำตอบแทนพระคุณท่าน จึงจะได้ชื่อว่าทำหน้าที่ของบุตรได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ เหมือนที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสหน้าที่ของลูกไว้ ๕ ประการ คือ
บุตรควรบำรุงมารดาบิดาผู้เป็นทิศเบื้องหน้า ด้วยสถาน ๕ อย่าง คือ ๑. ท่านเลี้ยงเรามาเลี้ยงท่านตอบ ๒. ช่วยทำกิจการงานของท่าน ๓. ดำรงวงศ์สกุล ๔. ปฏิบัติตนให้เป็นผู้สมควรรับทรัพย์มรดก ๕. เมื่อท่านละโลกนี้ไปแล้วทำบุญอุทิศให้แก่ท่าน
ขณะเดียวกัน พระองค์ก็ตรัสหน้าที่ของพ่อแม่ไว้ ๕ ประการเหมือนกัน คือ
มารดาบิดาผู้เป็นทิศเบื้องหน้า อันบุตรบำรุงด้วยสถานะ ๕ เหล่านี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์บุตรด้วยสถาน ๕ คือ ๑. ห้ามจากความชั่ว ๒. ให้ตั้งอยู่ในความดี ๓. ให้ศึกษาศิลปวิทยา ๔. หาภรรยาที่สมควรให้ ๕. มอบทรัพย์ให้ในสมัย


แม่ คือ มิตรแท้

แม่เป็นมิตรชิดใกล้กว่าใครอื่น

มิตรแสนหมื่นมิเทียบเปรียบท่านได้

ยามลูกทุกข์แม่เราเฝ้าปลอบใจ

ยามสุขไซร้แม่ยินดีปลื้มปรีดา

รักอื่นใดไหนเล่าเท่าแม่รัก

แม่ฟูมฟักพันผูกลูกหนักหนา

รักของแม่มากแม้นเท่าแผ่นฟ้า

หนักยิ่งกว่าภูผาทั่วสากล

(สุธา ธรรมชาติ)




เพราะฉะนั้นบุตรผู้ปฏิบัติผิดต่อมารดาบิดาย่อมประสบทุกข์ เหมือนกับมิตตวินทุกะผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ที่ท่านกล่าวไว้ในอรรถกถาจตุททวารชาดก ฉะนั้น เรื่องมีอยู่ว่า
ครั้งหนึ่ง ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ บุตรของเศรษฐีผู้มีทรัพย์สมบัติ ๘๐โกฏิ ในกรุงพาราณสี ชื่อว่ามิตตวินทุกะ เป็นผู้ทุศีลไม่มีศรัทธาในพระรัตนตรัย ส่วนบิดามารดาของเขาเป็นโสดาบัน ในกาลต่อมา เมื่อบิดาถึงแก่กรรมแล้ว เขากล่าวว่า “แม่จ๋า ฉันจักทำการค้าขายทางเรือ” มารดากล่าวว่า “ลูกเอ๋ย เจ้าเป็นลูกคนเดียวของแม่ เจ้าเป็นดังแก้วตาดวงใจของแม่ แม้ทรัพย์ในเรือนนี้ก็มีมาก สมุทรมีภัยมากมาย เจ้าอย่าไปเลยลูกเอ๋ย” แต่เขาก็ขืนจะไปลูกเดียวพูดว่า “แม่ไม่อาจห้ามฉันได้หรอก” แม้ถูกมารดาจับมือไว้ก็สลัดมือออก ตีมารดาให้ล้มลงและด่ามารดาให้เจ็บใจ พอได้โอกาสแล้วก็ลงเรือแล่นไปสู่สมุทรอันกว้างใหญ่
ในวันที่ ๗ เพราะมิตตวินทุกะเป็นเหตุจึงทำให้เรือจอดนิ่งอยู่กับที่ ชนทั้งหลายภายในเรือจึงจับสลาก ด้วยคิดกันว่า “ในเรือลำนี้น่าจะมีคนกาฬกิณีอยู่” มิตตวินทุกะจับสลากนั้นได้ถึง ๓ ครั้งรวด ทีนั้นคนในเรือจึงฟันธงลงไปว่า “นายมิตตวินทุกะเป็นคนกาฬกิณีอย่างแน่นอน” แล้วโยนเขาลงไปในสมุทร เขาอาศัยแพนั้นลอยไปไปถึงเกาะแห่งหนึ่ง ได้เห็นเมือง ๆ หนึ่งมี ๔ ประตู เมืองนั้นชื่อว่า อุสสทนรก เป็นสถานที่ชดใช้กรรมของเหล่าสัตว์ผู้เกิดในนรกเป็นอันมาก แต่ว่านรกนั่นได้ปรากฏแก่มิตตวินทุกะ เหมือนเมืองที่ประดับประดาไว้อย่างวิจิตร เพราะผลของกรรมคือการทุบตีและด่าทอมารดา เขาจึงคิดว่า “เราสมควรจักเป็นพระราชาในเมืองนี้แหละ” จึงเข้าไป ได้เห็นสัตว์นรกตนหนึ่งมีกงจักรตั้งอยู่บนศีรษะยืนคร่ำครวญอยู่
ต่อมา กงจักรอันคมบนศีรษะของสัตว์นรกนั้นได้ปรากฏแก่มิตตวินทุกะเป็นเหมือนดอกบัว เครื่องจองจำ ๕ อย่างที่อกของสัตว์นรกได้ประจักษ์แก่เขาเหมือนสร้อยสังวาลย์ เลือดที่ไหลออกจากร่างกายของสัตว์นรกได้ปรากฏเป็นเหมือนจันทน์หอมสำหรับลูบไล้กาย เสียงคร่ำครวญของสัตว์นรกได้ปรากฏเป็นเหมือนบทเพลงอันไพเราะจับใจ เขาเข้าไปหาสัตว์นรกนั้นแล้ว กล่าวว่า “บุรุษผู้เจริญท่านทัดทรงดอกบัวนานแล้ว ท่านจงให้ดอกบัวนั่นแก่ฉันเถิด” สัตว์นรกกล่าวว่า “สหายเอ๋ย นี้ไม่ใช่ดอกบัวหรอก แต่มันเป็นกงจักรอันคมต่างหาก” มิตตวินทุกะไม่เชื่อแล้วกล่าวว่า “ท่านกล่าวอย่างนี้ เพราะไม่ต้องการจะให้แก่ฉันล่ะซิ” สัตว์นรกคิดว่า “กรรมของเราเห็นทีจักสิ้นแล้ว แม้บุรุษคนนี้ก็พึงทุบตีมารดาบ้าง ด่าทอมารดาบ้าง เหมือนอย่างเรามาแล้วแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เพราะฉะนั้น เราจักให้กงจักรอันคมแก่เขา” ดังนี้แล้ว พูดว่า “มาเถิดผู้เจริญ ท่านจงรับเอาดอกบัวนี้” แล้วโยนกงจักรอันคมนั้นไปบนศีรษะของเขา กงจักรนั้น หมุนประหนึ่งบดกระหม่อม
ในขณะนั้น มิตตวินทุกะทราบว่าสิ่งนั้นเป็นกงจักรอันคม จึงกล่าวว่า “ท่านจงรับเอากงจักรอันคมของท่านคืนไปเถิด” ดังนี้แล้ว ประสพเวทนาคร่ำครวญอยู่ สัตว์นรกนอกนี้หายไปแล้ว ส่วนมิตตวินทุกะ เสวยทุกข์ในนรกนั้นสิ้นกาลนาน เพราะผลแห่งอกุศลกรรมคือการทุบตีด่าทอมารดา เมื่อวิบากกรรมนั้นสิ้นแล้ว เขาจึงละกงจักรอันคมไปตามยถากรรมแล
ดังนั้น บิดามารดาเหล่านั้นจึงถือว่าเป็นผู้มีอุปการะมาก พระภาคเจ้าทรงแสดงว่า “มารดาบิดาเป็นพรหม บุรพาจารย์ และอาหุไนยของบุตร บุญคุณของท่านบุตรไม่อาจทำตอบแทนให้สิ้นสุดด้วยอุปการะอันเป็นโลกิยะ แม้บุตรตั้งใจว่า เราจักตอบแทนบุญคุณบิดามารดา แล้ววางมารดาไว้บนจะงอยบ่าเบื้องขวา วางบิดาไว้บนจะงอยบ่าเบื้องซ้าย ประคับประคองในอวัยวะทั้งปวง ทำการบำรุงท่านผู้ดำรงอยู่บนจะงอยบ่าทั้ง ๒ ด้วยภารกิจมีการอบกลิ่นเป็นต้น บิดามารดานั่งถ่ายปัสสาวะและอุจจาระบนจะงอยบ่าของบุตร บุตรนั้นแม้จะทำอยู่อย่างนั้นตลอด ๑๐๐ ปี ก็ไม่อาจทำตอบแทนแก่ท่านได้เลย แม้ว่าบุตรจะสถาปนาบิดาไว้ในตำแหน่งพระเจ้าจักรพรรดิ และสถาปนามารดาไว้ในตำแหน่งพระอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ แม้เมื่อทำได้อย่างนั้น บุตรก็ไม่อาจทำตอบแทนแก่ท่านได้เหมือนกัน ส่วนบุตรคนใดตั้งบิดามารดาผู้ไม่มีศรัทธาให้สมาทานดำรงตั้งอยู่ในสัทธาสัมปทา ยังบิดามารดาผู้ทุศีลให้สมาทานดำรงตั้งอยู่ในสีลสัมปทา ยังบิดามารดาผู้มีความตระหนี่ให้สมาทานดำรงตั้งอยู่ในจาคสัมปทา ยังบิดามารดาผู้มีปัญญาน้อยให้สมาทานดำรงตั้งอยู่ในปัญญาสัมปทา บุตรนั้นจึงจะชื่อว่าสามารถทำตอบแทนบุญคุณของท่านได้
เพราะฉะนั้น ผู้ใดใครก็ตามจะทำกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตามย่อมได้รับผลของกรรมนั้นอย่างแน่นอนดังคำกลอนที่ท่านประพันธ์ไว้ว่า






ถึงมีฤทธิ์สิทธิศักดิ์สามารถ

ยกปราสาทเวชยันต์ให้หวั่นไหว

แม้ล่องหนด้นฟ้านภาลัย

เก่งเท่าไรก็ไม่รอดจอดเพราะกรรม ฯ







โดย พรเมธี

นิยามคำว่าอกหัก

นิยามคำว่า "อกหัก" `๏’




อกหัก คือ การที่เราได้รู้ว่าต่อไปจากนี้ ทุกสิ่งดูเหมือนไม่มีค่าเลยสำหรับเรา

อกหัก คือ การเริ่มต้นใหม่ ของชีวิต

อกหัก คือ การเริ่มต้นของการรักคนอื่นเป็น

อกหัก คือ ฟังเพลงเศร้า ๆ แล้วมันอิน เสียจนน้ำตามันไหลออกมา

อกหัก คือ ทำให้เรารู้ว่าคน ๆ หนึ่งมีค่าสำหรับเรามากถึงมากที่สุด



อกหัก คือ รสชาติของชีวิต

อกหัก คือ ความรู้สึกหลาย ๆ อย่างผสมปนเป จนทำให้ชีวิตสับสน

อกหัก คือ ทำให้เรารู้ว่ามีใครหลาย ๆ คนรักเรามากกว่าคนที่ทิ้งเราไป

อกหัก คือ การหมดสิ้นทุก ๆ สิ่งทุก ๆ อย่างของชีวิต

อกหัก คือ การเสียสละเพื่อคนที่เรารัก



อกหัก คือ การได้รู้จักคำว่ารักต้องเจ็บปวด

อกหัก คือ ความว่างเปล่าของชีวิต ๆ หนึ่ง

อกหัก คือ การมีชีวิตอยู่ในโลกอย่างไร้จุดหมาย

อกหัก คือ ความรู้สึกที่มันบรรยายไม่ได้

อกหัก คือ การรอคอยการกลับมาของคนที่จากไป



อกหัก คือ การที่เราทำอะไรบ้า ๆ หลายอย่างลงไปอย่างไม่รู้ตัว

อกหัก คือ เหงาที่สุดในชีวิตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

อกหัก คือ เหมือนอยู่คนเดียวในโลกไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นก็อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด

อกหัก คือ หลับตาลงก้อเห็นแต่ภาพเวลามีความสุขอยู่กับเขา

อกหัก คือ ความทรงจำช่วงเวลาหนึ่งที่เคยมีกับคนที่รักมากที่สุด


อกหัก คือ อยากลืมแต่ยิ่งจำ

อกหัก คือ ไม่อยากเห็นเขาอยู่กับใครคนอื่นที่ไม่ใช่เรา

อกหัก คือ ไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไรเมื่อไม่มีเขา

อกหัก คือ ไม่รู้ว่าชีวิตในวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร

อกหัก คือ การก้าวเดินอย่างไร้ความหมาย


อกหัก คือ รักตลอดไปแม้รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้

อกหัก คือ การลาจากของคนรัก

อกหัก คือ ความฝันที่พอตื่นมาก็จะลืมให้หมด

อกหัก คือ การอคอยอย่างมีความหวัง

อกหัก คือ เรื่องชิล ๆ พรุ่งนี้ก็ลืม …อิอิอิ





ขอขอบคุณขอมูลจาก


นิยามของความรัก



นิยามของความรัก


- โดย: นายนัดเดท - 10 กรกฎาคม 2551

หากจะให้นิยามคำว่ารัก คำๆ นี้ จะมีความหมายกว้างมากๆ เหตุเพราะจิตใจที่ยากจะหยั่งถึงของคนเรา... คนทั่วๆ ไป มักจะให้ความหมายของคำว่ารักอย่างง่ายๆ เช่น รักคือการให้ นักวิยาศาสตร์ ก็อาจจะให้ความหมายของคำว่ารักว่า รักเป็นเพียงแค่ อารมณ์ความรู้สึกอีกรูปแบบหนึ่งของมนุษย์ หรือหากเป็นเด็กๆ วัยรุ่นสักหน่อย ก็จะให้ความหมายของคำว่ารัก แตกต่างออกไป เช่น “รักนะเด็กโง่” “รักนะแต่ไม่แสดงออก” “รักนะ รถอ่ะ มีรึเปล่า” ร้อยแปดพันเก้า ต่างๆ นาๆ แตกต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัย ทั้งทางด้านวุติภาวะ สภาพแวดล้อม การเลี้ยงดู อาหารการกิน เพลงที่ฟัง โรงเรียนที่เรียนจบ เพื่อนที่คบ วัฒนธรรมความเป็นอยู่ และอีกมากมายหลายอย่าง
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปถึงพื้นฐาน... ความหมายของคำว่ารัก ก็พอที่จะสามารถสรุปออกมาให้เป็นเรื่องเป็นราวได้เช่นกัน ลองมาดูคำนิยามของความรัก ด้านล่างเหล่านี้ ว่าจะใช่ส่วนประกอบที่ถูกต้องของความรักหรือไม่ อาจจะยังไม่ครบถ้วนทั้งหมด แต่หากทำได้ ก็พอจะใกล้เคียงกับคำว่า ความรักที่แท้จริง อย่างแน่นอน
รักคือการยอมรับซึ่งกันและกัน
การให้การยอมรับ คือความรู้สึกเข้าใจในตัวตนของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างไม่มีเงื่อนไข เช่น ถ้าหากเขาหรือเธอเป็นคนอ่อนแอ ก็ใช้วิธีให้กำลังใจ มากกว่าการตำหนิ.. ถ้าหากเขาหรือเธอเป็นคนบ้างาน ก็คอยให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุน. การเกิดความรู้สึกยอมรับ คือการบอกกับตัวเองว่า โอเค, เพียงพอแล้ว ไม่ต้องการสิ่งพิเศษอันใดเพิ่มเติมอีก.. หรือหากว่าจะให้สุดยอดกว่านี้ นอกจากจะไม่ต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมแล้ว ยังหมายถึงความรู้สึกชื่นชมยินดีในตัวตนของอีกฝ่ายหนึ่งด้วย (เฮ้ออ.. ฟังดูยากจริงแฮะ)
รักคือความต้องการที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี และมีความสุข
ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเอาใจใส่, ใช้เวลาร่วมกัน, พูดจากันด้วยเหตุผลมากกว่าการใช้อารมณ์, เคารพในสิทธิของแต่ละฝ่าย ฯลฯ และหากคิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีและมีความสุขได้เช่นไร ลองเริ่มต้นด้วยการคิดว่า สิ่งที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกดีและมีความสุขคืออะไร เมื่อเข้าใจแล้ว ก็มอบสิ่งๆ เดียวกันนี้ ให้กับอีกฝ่ายหนึ่งไป การใส่ใจในความรู้สึก และการสร้างความสุข เป็นอีกหนึ่งพื้นฐานสำคัญ ที่จะทำให้ความรักมั่นคง และยั่งยืนยาวนาน
รักคือการคำนึงถึงความปลอดภัยในสายสัมพันธ์

คำนิยามนี้ หมายถึง การคำนึงถึงองค์ประกอบต่างๆ และเป็นวิธีที่จะทำให้สายสัมพันธ์ในชีวิตคู่มีสุขภาพแข็งแรง.. นี่เป็นอีกระดับหนึ่ง ที่สูงขึ้นมาจากคำนิยามในข้อที่แล้ว เพราะการทำให้สายสัมพันธ์ดำเนินไปอย่างปลอดภัย ยังรวมไปถึง สิ่งอย่างเช่น การร่วมกันฝันฝ่าอุปสรรคต่างๆ, การยื่นมือให้ความช่วยเหลือในยามจำเป็น, การไม่โกหก สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนวัคซีนที่ให้บริการฟรี (เพราะคุณสร้างขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง) มันจะป้องกันไม่ให้ความรักเจ็บป่วย หรืออ่อนแอ
รักคือการเพิกเฉยต่อรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เข้าท่า
เรื่องที่ไม่เข้าท่า คือ เรื่องอย่างเช่น “อ๊ะ เมื่อวานเธอคุยโทรศัพท์กับใครบ้าง” หรือการเอาแต่ทำตัวจู้จี้จุกจิก เช่น “วันนี้เลิกงานดึกมากเหรอ แต่ยังไงก็ต้องมาหาเรานะ” (จริงๆ แล้ว ควรจะพูดว่า “วันนี้เลิกงานดึกมากเหรอ รีบกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ”) การเก็บรายละเอียดไปหมด แม้แต่ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จะะส่งผลแย่ๆ คือทำให้ทั้งตัวเองและฝ่ายตรงข้าม เกิดอาการเบื่อ และหงุดหงิดใจไปพร้อมๆ กัน...
รักคือความอดทน และเชื่อใจกัน
เคล็ดลับของสายสัมพันธ์ความรักที่ดี คือความอดทนและเชื่อใจกัน... ความไว้ใจ และความเชื่อใจ เป็นจุดเริ่มต้น ที่จะทำให้เราเกิดความรู้สึกดีภายในใจของตัวเราเองก่อน พอเรารู้สึกดี ความกังวลก็จะน้อยลง และเราก็จะไม่ไปคิดในด้านไม่ดี หรือไม่ไปใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี่จึงเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการเริ่มต้นรักตัวเอง พอรักตัวเองเป็นแล้ว ก็จะรักคนอื่นเป็นด้วย ดังนั้น จึงควรระลึกเอาไว้ในใจบ่อยๆ ว่า ความอดทนและความไว้ใจเป็นเรื่องสำคัญมาก พอเริ่มชินกับคำสองคำนี้ ก็จะประนีประนอมต่อกันได้ และจะช่วยให้ขีวิตรัก มีความสุขมากขึ้นเช่นกัน

บทความนี้จัดทำโดย NadDate Exclusive บริษัทจัดหาคู่มาตรฐาน USA ที่ทำหน้าที่จัดหาคู่สำหรับผู้ที่พร้อมทั้งสถานะทางการงาน และการเงิน และ NadDate Online สื่อกลางสำหรับคนวัยทำงานคุณภาพ เพื่อค้นหาเพื่อน หาแฟน หาคู่ ด้วยตัวเอง (บริษัทจัดหาคู่ หาแฟน บริษัทหาคู่ หาคู่ จัดหาคู่ หาเพื่อน หาคู่ นัดเดท)
และท่านสามารถอ่านบทความจาก NadDate.com ได้อีก 1 ช่องทางแล้ววันนี้ ทางโทรศัพท์มือถือในระบบ AIS(GSM/1-2-call) ผ่านทาง http://wap.mobilelife.co.th เลือกเมนู Chat / Community ค่ะ

ความหมายของคำว่าเพื่อน

ความหมายของคำว่า “เพื่อน”


คุณเชื่อในพรหมลิขิตมั้ย
ถ้าไม่... แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้เรามาพบกับคนหลายคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
ถ้าไม่... แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้เราถูกชะตาจนเรียกคนๆ นั้นว่า “เพื่อน”
..........เพื่อน.......... คนๆ หนึ่งที่ครั้งหนึ่งก็เป็นได้แค่ คนแปลกหน้าคนหนึ่ง
เวลา ผ่าน เวลา คนแปลกหน้าคนนั้นก็กลับกลายมาเป็นคนที่เรา “ไว้ใจ”
..........เพื่อน.......... คนที่พร้อมอยู่กับเราเสมอๆ ไม่ว่า สุข ทุกข์ เหงา เศร้า
..........เพื่อน.......... คนที่พร้อมแชร์ความรู้สึกต่างๆ
โดยไม่เคยเอ่ยปากว่า “ถ้าทำอย่างนั้นแล้วฉันจะได้อะไร”
..........เพื่อน.......... คนที่ไม่เคยสนใจว่าเราจะหน้าตาดี
มีสกุล ร่ำรวย ยากจน สูง ต่ำ ดำ ขาว หรือไม่
..........เพื่อน.......... คนที่ไม่เคยเสแสร้ง แกล้งทำ ...แต่เพื่อนตาย หายากเหลือเกิน
เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่า คนๆ นี้เป็นเพื่อนตายของเราหรือไม่
เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่า คนๆ นี้ เป็นคนที่พร้อมจะเคียงข้างเราเสมอไปมั๊ย
เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่า คนๆ นี้จริงใจกับเราแค่ไหน
ทั้งหมดนี้ เราใช้ “ตา” มองไม่เห็น
........แต่........ ทั้งหมดนี้เราใช้ “ใจ” มองเห็นได้
เมื่อบทความ ล่วงเลยมาถึงตอนนี้ คุณล่ะ?
ใช้ตามองเพื่อน หรือ ใช้ใจมองเพื่อน
เราบอกไม่ได้ว่าคนๆ ไหนดี ไม่ดี
จนกว่า... เราจะมีโอกาส รู้จักกับคนนั้น แล้วใช้ ใจ ของเราสัมผัส
การคบใครสักคน คบเพียงกายก็ไร้ประโยชน์
แต่ การคบใครสักคน จำเป็นต้องคบกันด้วยใจ
วันนี้.... คุณ ใช้อะไร คบเพื่อนของคุณ
อย่าบอกนะ ว่าคุณก็เป็นคนที่คบเพื่อนแค่ตา......
เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น คุณก็คงเป็นคนที่ไม่น่าคบคนหนึ่ง
รักเพื่อนเสมอ
ไม่ว่าเพื่อนจะอยู่ที่ไหนมิตรภาพยังคงเดิม


บทความโดย จากคอลัมน์ Lifestyle > Forward mail เว็บไซต์เด็กดีดอทคอม

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

 ประวัติโดราเอมอน


 



โดราเอมอน หรือ โดเรมอน (「ドラえもん」 Dora'emon – โดะระเอะมง) เป็นตัวละครจากการ์ตูนเรื่องโดราเอมอน เป็นหุ่นยนต์แมวจากโลกอนาคต ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 22เกิดวันที่ 3 กันยายน พศ.2655 (ค.ศ. 2112) ลักษณะตัวอ้วนกลมสีฟ้า (เมื่อแรกเกิดมามีสีเหลือง) ไม่มีใบหู เนื่องจากถูกหนูแทะ มีหน้าที่เป็นหุ่นยนต์พี่เลี้ยงซึ่งคนที่ซื้อโดราเอมอนมาคือเซวาชิเหลนชาย ของโนบิตะ วันหนึ่งเซวาชิเกิดอยากรู้สาเหตุที่ฐานะทางบ้านยากจน จึงได้กลับไปในอดีตด้วยไทม์แมชชีน จึงได้รู้ว่าโนบิตะ (ผู้เป็นปู่ทวด) เป็นตัวต้นเหตุ เซวาชิจึงได้ตัดสินใจให้โดราเอมอนย้อนเวลาไปคอยช่วยเหลือดูแลเวลาโนบิตะโดน แกล้งโดยใช้ของวิเศษที่หยิบจากกระเป๋าสี่มิติ
โดราเอมอนเคยได้ รับเลือกจากนิตยสารไทม์เอเชีย ให้เป็นหนึ่งในวีรบุรุษของทวีปเอเชีย[1]และในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2551 มาซาฮิโกะ คามูระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ได้แต่งตั้งให้โดราเอมอนเป็นทูตสันถวไมตรีอย่างเป็นทางการ เพื่อช่วยในการประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมของประเทศ โดยนับเป็น "ทูตแอนิเมชัน" ตัวแรกของประเทศญี่ปุ่น[2]

แรงบันดาลใจ

ตัวละครโดราเอมอนนั้น ได้รับแรงบันดาลใจเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2512 เนื่องจากนักวาดการ์ตูนทั้ง 2 ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ ได้ลงโฆษณาการ์ตูนเรื่องใหม่ของเขาทั้งสองไว้ว่าจะมีตัวเอกที่ออกมาจาก ลิ้นชัก ในนิตยสารการ์ตูนฉบับต้อนรับปีใหม่ แต่ในความจริงแล้วทั้งสองยังไม่มีไอเดียเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้แม้แต่ น้อยเลย เมื่อใกล้ถึงเวลาส่งต้นฉบับก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับทั้งสองเป็นอย่างมาก
ฮิ โรชิ ฟุจิโมโตะ หนึ่งในนักวาดการ์ตูน ได้เผอิญเห็นแมวจรจัดที่มักแอบเข้ามาเล่นที่บ้านของตนเองเป็นประจำ เขามักจะชอบจับแมวตัวนี้มาหาหมัด จนเวลาล่วงเลยมาถึง 4.00 น. ก็ยังไม่มีไอเดียเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องใหม่ ทำให้ฮิโรชิโมโหตัวเองเป็นอย่างมาก และคิดเลยเถิดไปว่าโลกนี้น่าจะมีไทม์แมชชีน เพื่อย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต หลังจากนั้นฮิโรชิได้เผลอหลับไปด้วยความอ่อนล้า เมื่อเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทำให้เขาตกใจว่าตนเองเผลอหลับไป จึงรีบวิ่งลงจากบันไดบ้านไปสะดุดกับตุ๊กตาล้มลุกญี่ปุ่นของลูกสาวที่ตกอยู่ บนพื้น
เหตุนี้เองทำให้ฮิโรชิเกิดไอเดียขึ้นโดยนำหน้าแมวจรจัดมาผสม กับตุ๊กตาญี่ปุ่น สร้างออกมาเป็นตัวละครหุ่นยนต์แมวจากอนาคตคอยช่วยเหลือเด็กชายที่แสนจะไม่ ได้เรื่อง และตั้งชื่อว่า โดราเอมอน เป็นคำผสมระหว่าง "โดราเนโกะ" กับ "เอมอน" ในภาษาญี่ปุ่น โดราเนโกะนั้นแปลว่าแมวหลงทาง ส่วนคำว่า "เอมอน" เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อนของประเทศญี่ปุ่น
ต้นกำเนิด
โด ราเอมอนถูกผลิตขึ้นในโรงงานสร้างหุ่นยนต์ที่เมืองโตเกียว เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 2112 (พ.ศ. 2655) แต่ในระหว่างการผลิตเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ทำให้โดราเอมอนมีคุณสมบัติไม่เหมือนหุ่นยนต์แมวตัวอื่น ต้องเข้ารับการอบรมในห้องเรียนคลาสพิเศษของโรงเรียนหุ่นยนต์ (และได้พบกับเพื่อนๆ แก๊ง ขบวนการโดราเอมอน ที่นั่น) จนกระทั่งวันหนึ่ง ในงาน "โรบ็อต ออดิชัน" ซึ่งเป็นงานที่จัดให้มีการแสดงความสามารถของหุ่นยนต์ที่ได้ผ่านการอบรมแล้ว ด้วยความซุกซนของเซวาชิในวัยเด็ก เขาจึงได้กดปุ่มเลือกซื้อโดราเอมอนมาไว้ที่บ้าน ด้วยเหตุนี้ โดราเอมอนจึงได้มาอยู่อาศัยที่บ้านของเซวาชิ ในฐานะของหุ่นยนต์เลี้ยงเด็ก[3] แต่ในต้นฉบับดั้งเดิมนั้นจะแตกต่างกัน คือ โดราเอมอนได้ถูกนำไปขายทอดตลาด เพราะเป็นสินค้าไม่ได้คุณภาพ จากนั้นพ่อแม่ของเซวาชิจึงมาซื้อโดราเอมอนไปไว้ที่บ้าน
แต่เดิมนั้น ตัวโดราเอมอนมีสีเหลือง และมีหู แต่แล้วในวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 2122 ขณะที่โดราเอมอนหลับอยู่นั้น ใบหูก็โดนหนูแทะจนแหว่งไปทั้ง 2 ข้าง และไม่สามารถซ่อมแซมให้เหมือนเดิมได้ หลังจากรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หุ่นยนต์แมว "โนราเมียโกะ" แฟนสาวของโดราเอมอนก็มาเยี่ยม แต่พอทราบว่าโดราเอมอนไม่มีหู เหลือแต่หัวกลม ๆ โนราเมียโกะถึงกับหัวเราะเป็นการใหญ่ ทำให้โดราเอมอนเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ก็พยายามทำใจด้วยการดื่มยาเสริมกำลังใจ แต่ว่าโดราเอมอนหยิบผิดกินยาโศกเศร้าแทน ทำให้โศกเศร้ากว่าเดิม และเริ่มร้องไห้ไม่หยุด จนสีลอกเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอย่างที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน หลังจากนั้นโดราเอมอนจึงเกลียดและกลัวหนูเป็นอย่างมาก และไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเกี่ยวกับเรื่องความรัก
นอกจากนั้น โดราเอมอนยังมีน้องสาวชื่อโดรามี ที่จริงก็แค่ใช้เศษเหล็กแบบเดียวกันในการผลิต แต่โดเรมีใช้น้ำมันรุ่นใหม่ ขณะที่ผลิตโดราเอมอนอยู่ได้ทำชิปหล่นหายไป 1 ส่วน จึงทำให้หยิบของวิเศษผิดพลาดบ่อยๆ
ข้อมูล จำเพาะของโดราเอมอน
เป็นความตั้งใจของผู้วาดการ์ตูนที่ใช้ตัว เลข 3-9-12 กับตัวละครนี้ โดราเอมอนจึงมีอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเลขชุดนี้
  • มีน้ำหนัก 129.3 กิโลกรัม
  • ความสูง 129.3 เซนติเมตร (แต่เวลานั่ง จะเหลือ 100 เซนติเมตร)
  • กระโดดได้สูง 129.3 เซนติเมตร (เวลาเจอหนู)
  • มี พละกำลัง 129.3 แรงม้า
  • วัดรอบหัว รอบอก รอบเอวได้ 129.3 เซนติเมตร
  • วิ่งปกติในระยะ 50 เมตรใช้เวลา 15 วินาที แต่ถ้าเจอหนูจะวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • วันที่ ผลิตคือ ปีที่ 12 เดือน 9 วันที่ 3 (เรียงแบบปฏิทินญี่ปุ่น)
ส่วนประกอบในร่างกาย
เนื่องจากเป็นหุ่นยนต์แมวที่ผลิตขึ้นในอนาคตคือคริ สตศตวรรษที่ 22 ตามจินตนาการของผู้แต่ง ส่วนประกอบในร่างกายของโดราเอมอนจึงเต็มไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
  • หัว
โด ราเอมอนเป็นหุ่นยนต์แมวที่มีการติดตั้งชิปคอมพิวเตอร์ในหัว ทำให้มีความรู้สึกนึกคิด สามารถพูดภาษามนุษย์ (ภาษาญี่ปุ่น) และพูดภาษาแมวได้ แต่ภาษาอื่นๆ นอกจากภาษาญี่ปุ่น และภาษาสัตว์อื่นๆ จะฟังไม่รู้เรื่อง จึงต้องพึ่ง "วุ้นแปลภาษา"[4] กับ "หูฟังภาษาสัตว์" แทน[5] อีกทั้งยังสมองไม่ไวเท่าที่ควร เวลาคำนวณเลขยากๆ จึงต้องใช้กระดาษทด[6] หรือเครื่องคิดเลขช่วย[7]
นอกจากนี้ หัวของโดราเอมอนยังแข็งราวกับหิน ซึ่งเขาถือว่าเป็นอาวุธลับขั้นสุดท้ายของตัวเอง โดยสามารถเอาหัวโขกจนประตูพังได้ และวิ่งกระโจนเอาหัวพุ่งใส่แทงค์แก๊ส จนแทงค์เป็นรูเสียหาย (แต่ตนเองก็หมดสติไปเลยเช่นกัน)[8]
  • ใบหน้า
ใบ หน้าของโดราเอมอน มีลักษณะเป็นทรงกลม จมูกกลมสีแดง และมีหนวด 6 เส้น ดูคล้ายกับแมว แต่คนอื่นๆ มักเข้าใจผิดคิดว่าเป็นทานูกิ หรือแรคคูน ซึ่งโดราเอมอนจะไม่พอใจทุกครั้งที่ถูกเรียกแบบนั้น[9]
  • ตา
ตาแสงอินฟราเรด สามารถมองเห็นได้แม้แต่ในที่มืด
  • จมูก
มี ลักษณะเป็นลูกกลมๆ สีแดง เหมือนกับปลายหาง รับรู้กลิ่นได้ไวกว่ามนุษย์ 20 เท่า แต่ปัจจุบันชำรุด จึงสามารถดมกลิ่นได้เท่าจมูกคนเท่านั้น
  • หนวด
มี 6 เส้น เป็นหนวดเรดาร์ สามารถจับวัตถุระยะไกลได้ แต่อยู่ระหว่างรอซ่อมแซม
  • ร่างกาย
ผิว หนังเป็นโลหะผสมพิเศษต้านแรงดึงดูด ทำให้ฝุ่นละอองไม่สามารถจับเกาะได้ นอกจากนี้ยังมีความทนทานสูง แม้อยู่ในอวกาศหรือใต้ทะเลลึกก็ไม่เป็นปัญหา[10] โดนของเหลวคล้ายกรดสาดใส่ก็ไม่ละลาย[11] แต่ก็มีข้อเสียหลายอย่างเช่นกัน คือ แพ้อากาศร้อน[10] และแพ้อากาศหนาว จนถึงขั้นเป็นหวัดได้[12] หากโดนไฟฟ้าช็อตก็จะเสียหาย[8][13]
  • มือ
รูปร่างกลม สีขาวไม่มีนิ้วมือ จึงไม่สามารถเล่นพันด้าย[14] และเป่ายิ้งฉุบได้ เล่นบาร์โหนก็ไม่ถนัด[15] แต่สามารถดูดจับสิ่งของได้ทุกอย่าง[16]
  • ปาก
ปากขนาดกว้าง สามารถรับประทานได้ทุกอย่าง โดยจะเปลี่ยนเป็นพลังงานปรมาณู ภายในปากจะมีฟันที่เรียกว่า "ฟู้ดคัตเตอร์" ซึ่งจะปรากฏให้เห็นเฉพาะเวลาที่โดราเอมอนโกรธจนต้องยิงฟันเท่านั้น แต่ในตอนพิเศษ "ไดโนเสาร์ของโนบิตะ 2006" โดราเอมอนกลับถูกวาดให้มองเห็นซี่ฟันอย่างชัดเจน
  • กระพรวน
ไว้ห้อยคอ มีสีเหลือง ส่วนสายคาดมีสีแดง เมื่อสั่นกระพรวนจะสามารถเรียกแมวที่อยู่ใกล้เคียงมาชุมนุมกันได้ โดยจะปล่อยคลื่นเสียงพิเศษ แต่ตอนนี้ใช้งานไม่ได้[9] ปัจจุบันจึงได้เปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่เพื่อใช้งานเป็นกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กแทน[9]
  • กระเป๋าหน้าท้อง
เป็นกระเป๋าสี่มิติ ไว้สำหรับเก็บของวิเศษ พื้นที่เก็บของไม่มีจำกัด สามารถถอดไปทำความสะอาดได้ โดยระหว่างนั้นจะนำกระเป๋าสี่มิติใบสำรอง หรือที่มักเรียกว่า "กระเป๋าสำรอง" มาใช้แทน ซึ่งกระเป๋าทั้งสองจะมีมิติเชื่อมต่อกัน ของที่เอาใส่ในกระเป๋าใบหนึ่ง จะสามารถนำออกมาจากกระเป๋าอีกใบหนึ่งได้[17]
  • เท้า
ลักษณะ แบนเรียบ สีขาว มีพลังต้านแรงดึงดูด ส่งผลให้เท้าอยู่ลอยจากพื้น 3 มิลลิเมตร เลยไม่จำเป็นต้องใส่รองเท้าเพราะไม่มีฝุ่นผงติดเท้า เดิมทีเท้าของโดราเอมอนจะเป็นแบบที่สามารถเดินได้โดยไม่มีเสียงเหมือนกับแมว ย่อง แต่ปัจจุบันชำรุดไปแล้ว ทำให้เวลาเดินจึงมีเสียงจากแรงเสียดสีกับอากาศ
สำหรับเวลาขี่จักรยานต้องใช้ปากจับแฮนด์ และใช้มือถีบที่ปั่นจักรยานแทน เนื่องจากขาหยั่งไม่ถึง[18]
  • หาง
เป็น สวิตช์ปิด-เปิด ถ้าถูกดึง ทุกอย่างจะหยุดทำงาน โดราเอมอนสามารถดึงหางเพื่อปิดสวิตช์ตัวเอง แต่ไม่สามารถดึงเพื่อเปิดเองได้
สิ่งที่ชอบ-เกลียด
สิ่งที่ชอบที่สุดคือขนมหวานญี่ปุ่นที่เรียกว่า โดรายากิ (แป้งทอด) โดยสามารถกินโดรายากิขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (ขนาดใหญ่เท่าห้องของโนบิตะ) ได้คนเดียวหมด[19] และเคยชนะเลิศการแข่งขันกินโดรายากิเร็วมาแล้ว[20] และเพียงแค่ไม่ได้กินโดรายากิติดต่อกัน 3 วัน ก็แทบจะทนมีชีวิตอยู่ไม่ได้[21] สาเหตุที่ชอบกินโดรายากินั้น เป็นเพราะสมัยอยู่ในศตวรรษที่ 22 โดราเอมอนเคยได้รับโดรายากิจากแมวสาว "โนราเมียโกะ" มันจึงกลายเป็นของโปรดของเขามาตั้งแต่บัดนั้น[3] เขาสามารถทำได้ทุกอย่างโดยไม่เลือกวิธีการเพื่อให้ได้โดรายากิมา หากได้ยินว่ามีร้านค้าร้านไหนที่ขายโดรายากิลดราคาก็จะรีบบึ่งไปซื้อมาใน ทันที ซึ่งจากความชอบจนกลายเป็นของโปรดนี้เอง จึงทำให้โดราเอมอนให้ความสำคัญกับเรื่องรสชาติความหวานของโดรายากิเป็นอย่าง มาก จนถึงกับเคยมีเรื่องถกเถียงกับเจ้าของร้านขายขนมมาแล้ว หลังจากที่ทางร้านทำโดรายากิออกมาหวานเกินไป[22]
นอก จากโดรายากิแล้ว อาหารอย่างอื่นที่โดราเอมอนชอบก็คือ ขนมโมจิ ซึ่งเคยได้กินในตอนแรกสุด ที่เพิ่งเดินทางมาหาโนบิตะด้วยไทม์แมชชีน โดยเมื่อโดราเอมอนได้กิน ก็บอกว่า อร่อยมาก ขนาดกินจนหมดแล้วยังถึงกับเลียจานเลยทีเดียว[23]
ส่วน สิ่งที่โดราเอมอนเกลียดและกลัวที่สุดคือ หนูเพราะเคยโดนหนูกัดหูจนหูแหว่งไปทั้ง 2 ข้างตอนหลับ นอกจากนั้นยังกลัวแฮมสเตอร์ด้วย เพราะโดราเอมอนถือว่าเป็นสัตว์ในตระกูลเดียวกับหนู[24]
ชื่อเรียกในภาษาต่างๆ
โดราเอมอนมีการตีพิมพ์ไปในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้บางครั้งอาจจะมีมีการเรียกโดราเอมอนต่างกันในแต่ละภาษา
  • ภาษา จีนกลาง - 小叮当 (Xiǎo Dīng Dāng, เสี่ยวติงตัง ) หรือ 机械猫 (Jīxièmāo) หรือ 机器猫 (Jīqìmāo)
  • ภาษาจีนกวางตุ้ง ในประเทศฮ่องกง - 多啦A夢 (ตั๊วะหลาเอม่ง) แต่ก็นิยมเรียกว่า 叮噹 (Ding Dong)
  • ภาษา เวียดนาม - Đôrêmon
  • ภาษาจีนกลาง ในประเทศไต้หวัน - 哆啦A夢 แต่ก็นิยมเรียกว่า 小叮噹
  • ภาษาตากาล็อก - Damulag
  • ภาษา เกาหลี - ฉบับไพเรทใช้ชื่อว่า 동짜몽 (toŋ't∫amoŋ) ส่วนฉบับลิขสิทธิ์ใช้ชื่อว่า 동짜몽 도라에몽 (toraemoŋ)
  • ภาษามาเลย์- Doraemon แต่ออกเสียงว่า โดเรมอน (do.re.mon)

ประวัติคิตตี้

คิตตี้ KITTY ประวัติคิตตี้
คิตตี้  KITTY : ประวัติคิตตี้
คิตตี้ KITTY : ประวัติคิตตี้
ชื่อ : KITTY
วันเกิด :  1 พฤศจิกายน (1974)
สถานที่เกิด :  ชานเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ที่อยู่ Kitty :
อาศัยที่บ้านสีขาวหลังคาแดง ห่างจากตัวเมืองลอนดอน
20 กิโลเมตร ในเมืองที่ไม่มีใครทราบชื่อซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 ชีวิต คุณสามารถเดินทางไปยังเมืองแห่งนี้ได้
ภายใน 20 นาทีโดยรถยนต์ หรือ 30 นาทีโดยรถเมล์
กรุ๊ปเลือด : A (Negative)
ราศี : พิจิก
สีที่ชอบ :  แดง
อาหารโปรด :
พายแอ๊ปเปิ้ลฝีมือคุณแม่ ฮ็อทเค้ก พุดดิ้งและของหวานทั้งหลาย เช่น ลูกกวาด เป็นต้น
วิชาโปรด:
ดนตรีและภาษาอังกฤษ
สิ่งที่ชอบ :
ของชิ้นเล็กๆน่ารักๆเหมือนตัวเธอนั่นเอง เธอสะสมดาวดวงเล็กๆ ปลาทองตัวน้อย เหรียญเงินและริบบิ้นมากมาย นอกจากนี้เธอยังชอบไปเที่ยวเล่นตามสาธารณะหรือในป่ากับเพื่อนๆอยู่เสมอ หากมีเวลาว่าง Kitty มักจะตรงดิ่งไปยังร้านลูกกวาดเสมอ เธอชอบลูกกวาดมากๆเลยล่ะ !
จุดเด่น :
สิ่งที่ทำให้ทุกๆคนจดจำ Kitty ได้เสมอก็คือริบบิ้นสีแดงที่หูซ้าย
ของเธอและปุยหางอันฟูฟ่องของเธอนั่นเอง
ชายในสเป็ค Kitty :
ชอบผู้ชายที่ใจดีและเป็นมิตร รักครั้งแรกของ Kitty ก็คือ
Dear Daniel และเมื่อ Dear Daniel ได้เดินทางไปอยู่กับครอบครัวของเขาที่แอฟริกา Kitty ก็ได้หันมาคบกับ Tippy หมีหนุ่มเพื่อนร่วมชั้น
ความใฝ่ฝัน : นักเปียโนหรือกวี
บุคลิก Kitty :
เป็นแมวน้อยที่ร่าเริง อบอุ่นและใจดี เธอมีฝีมือในการอบคุ้กกี้ที่แสนอร่อยและชอบทาน
พายแอ๊ปเปิ้ลฝีมือของคุณแม่ เพื่อนสนิทของ Kitty ก็คือน้องสาวฝาแฝดของเธอที่ชื่อว่า “Mimmy” นั่นเอง และตั้งแต่คุณพ่อของ Kitty ได้เข้าไปทำงานในนิวยอร์ค เธอจึงมีเท็ดดี้แบร์เป็นเพื่อนอีกมากมาย งานอดิเรกของ Kitty ก็คือการเดินทางท่องเที่ยว อ่านหนังสือ เล่นดนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเปียโน
เธอชอบชิมคุ้กกี้ฝีมือการอบของ Mimmy น้องสาว
และ Kitty ยังชอบเล่นกีฬาด้วยเช่นกัน เธอโปรดปราน
การตีเทนนิส แต่สิ่งที่เธอชอบมากที่สุดก็คือการพบปะ
ผู้คนและทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ก็เป็นเหมือนที่ Kitty บอกกับทุกคนนั่นแหล่ะว่า
“ไม่มีวันที่เราจะรู้สึกว่าเรามีเพื่อนมากเกินไป”ด้วยเหตุนี้
นี่เอง Kitty จึงกลายเป็นสาวน้อย
ที่ป็อปปูลาร์ที่สุดในโรงเรียน
โรงเรียน :
โรงเรียนตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางที่มุ่งสู่ลอนดอนห่างจากบ้านของ Kitty 4 กิโลเมตร โรงเรียนของ Kitty นั้นนับได้ว่าเป็นโรงเรียนที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งซึ่งปกคลุมไป
ด้วยต้นไม้และแวดล้อมสัตว์ป่าน้อยใหญ่ Kitty และ Mimmy เดินทางไปโรงเรียนด้วยรถเมล์ด้วยกันทุกเช้าซึ่งใช้เวลาในการเดินทางเพียง
สามป้ายรถเมล์เท่านั้นคุณครูจะคอยทักทายกับพวกเธอทั้งสองอยู่ที่หน้า โรงเรียน
ทุกวัน และเป็นที่แน่นอนว่า Kitty และ Mimmy คือสองสาวที่ป็อปปูลาร์ที่สุด
ในโรงเรียน
คุณรู้มั้ย?
- Kitty ชอบแปรงฟันด้วยยาสีฟันกลิ่นสตรอเบอร์รี่ เธอห้ามใจแทบไม่ไหวทุกครั้งเมื่อได้กลิ่นหอมหวานของสตรอเบอร์รี่
- Kitty มักจะเดินทางไปไหนมาไหนด้วยจักรยานสามล้อ
คันเล็กของเธอเสมอ ไม่ว่าจะออกไปเที่ยวเล่นใกล้ๆบ้าน
ไปช็อปปิ้ง หรือแม้แต่เวลาที่เธอออกไปเล่นกับเพื่อนๆ
Kitty’s Family

น้องสาวฝาแฝดและเพื่อนที่ดีที่สุดของ Kitty จุดสังเกตระหว่างเธอกับ Kitty ก็คือ Mimmy จะผูกโบว์สีเหลืองที่หูด้านขวา แต่ Kitty จะผูกโบว์สีแดงที่หูซ้ายนั่นเอง Mimmy มีนิสัยที่ค่อนข้างแตกต่างกับ Kitty เพราะเธอเป็นแมวขี้อาย แต่เธอก็เป็นแมวที่น่ารักและเป็นมิตรกับทุกๆคน เธอจึงมีเพื่อนมากมายเช่นเดียวกับ Kitty
Mimmy
Mimmy
Mimmy
Mary คุณแม่ของ Kitty เป็นคนที่น่ารักและใจดี เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำกับข้าว ดูแลทุกคนในครอบครัวและดูแลบ้าน คุณแม่มักจะอยู่เคียงข้างเพื่อช่วยเหลือลูกๆอยู่เสมอ เวลาว่างคุณแม่มักจะทำอาหารและอบเค้กกับลูกสาวทั้งสอง ฝีมือการทำพายแอ๊ปเปิ้ลของคุณแม่ก็เป็นที่เลื่องลือว่า
มีรสชาติที่แสนอร่อยแม้แต่ Kitty ก็ยังติดใจ
George
George

George คุณพ่อของ Kitty เป็นคนอารมณ์ดีและดูแลห่วงใยทุกๆคน เขามักจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกๆคนในครอบครัวอยู่เสมอ คุณพ่อทำงานหนักและเป็นที่พึ่งพาสำหรับทุกคนได้ แต่ทว่าเขาก็มักจะนั่งใจลอยอยู่บ่อยๆเช่นกัน คุณพ่อชอบอ่านหนังสือ และพูดคุยในเรื่องทั่วๆไป
Margaret
Margaret

Margaret คุณย่ามีฝีมือมากในเรื่องของการทำอาหาร ชอบทำงานเย็บปักถักร้อยและทำพุดดิ้งให้กับหลานสาวทั้งสองคนทานอยู่เสมอ พุดดิ้งฝีมือคุณย่าได้รับการยอมรับว่าไม่มีใครที่จะสามารถทำได้อร่อยกว่า ท่านอีกแล้ว คุณย่ามักจะนั่งปักผ้าอยู่ที่เก้าอี้โยกของเธออยู่เสมอ
Anthony
Anthony

Anthony คุณปู่ของ Kitty ฉลาดและรอบรู้ไปเสียทุกอย่าง ชื่นชอบการวาดภาพ
อีกทั้งยังเป็นนักเล่านิทานชั้นเยี่ยมอีกด้วยคุณปู่และคุณย่าของ Kitty อาศัยอยู่ในป่าซึ่งต้องใช้เวลาทั้งวันในการเดินเข้าไปถึงบ้านของท่านทั้งสอง คุณพ่อมักจะพา Kitty Mimmy และคนๆอื่นในครอบครัวเข้าไปเยี่ยมคุณปู่และคุณย่าอยู่เสมอ
Kitty’s Friend
Dear Daniel
Daniel
Daniel
Daniel เป็นแฟนหนุ่มของสาวน้อย Kitty เขามักจะเดินทางไปผจญภัยกับคุณพ่อที่เป็นช่างภาพในประเทศแอฟริกาอยู่เสมอ
วันเกิด : 3 พฤษภาคม
ราศี : พฤษก
สถานที่เกิด :  ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
งานอดิเรก : ถ่ายภาพชีวิตสัตว์ป่า
ความสามารถพิเศษ : การเต้นฮิพฮอพและเล่นเปียโน
ความใฝ่ฝัน :  ช่างภาพที่มีชื่อเสียงหรือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง
อาหารโปรด : ชีสเค้กและโยเกิร์ต
ครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ และน้องชาย
จุดเด่น : ทรงผมที่ชี้ตั้ง
บุคลิก  : Daniel เป็นคนที่อ่อนไหวและใสซื่อ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ เขาเป็นหนุ่มทันสมัยที่รู้จักแต่งตัวให้ดูเท่ห์อยู่เสมอ Daniel คือเพื่อนข้างบ้านสมัยเด็กที่เล่นซุกซนกับ Kitty มาตลอด กระทั่งพ่อของ Daniel ถูกย้ายไปประจำการอยู่ที่แอฟริกาทั้งสองจึงต้องแยกย้ายจากกันไป หลังจากการย้ายไปอยู่ในหลายๆประเทศทั่วโลก ครอบครัวของเขาก็ได้ตัดสินใจลงหลักปักฐานที่นิวยอร์ค และจากที่นี่ทำให้เขาสามารถเดินทางไปยังประเทศอังกฤษเพื่อพบกับ Kitty อีกครั้ง
Kathy
Kathy
Kathy
เธอเป็นกระต่ายสาวน้อยที่แสนจะสุภาพและเงียบขรึม มักคิดถึงคนอื่นๆก่อนตัวเองเสมอ Kathy จึงกลายเป็นเหมือนกับพี่สาวของทุกๆคนนั่นเอง
Jodie Jodie
Jodie Jodie
Jodie Jodie
เป็นหนอนหนังสือ เธอเป็นสุนัขผู้เต็มไปด้วยความรู้มากมาย และเพราะเธออยากเป็นคนเก่ง Jodie จึงชื่นชอบการเรียนและอ่านหนังสือเป็นที่สุด ความใฝ่ฝันของเธอคือการเป็นนักวิจัย
Tiny Chum
 เท็ดดี้แบร์ตัวน้อยที่จะคอยอยู่เป็นเพื่อนคุณเสมอไม่ว่าที่ไหน Tiny Chum เป็นเพื่อนรักของทั้ง Kitty และ Mimmy มาเป็นเวลานาน และสาวๆทั้งสองก็รักเขาเหมือนน้องชายของพวกเธอ
Tiny Chum
Tiny Chum

Tippy
Tippy
Tippy
เป็นหมีที่น่ารัก แข็งแรง เชื่อใจได้และใจดีกับทุกๆคน เขาสามารถช่วยเหลือทุกๆคนได้เสมอหากกำลังตกที่นั่งลำบาก ตอนนี้ Tippy ก็กำลังจีบ Kitty อยู่และต้องการที่จะเป็นแฟนของ Kitty ให้ได้ในสักวัน
Fifi
Fifi
Fifi
ลูกแกะน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เธอจะเล่นและพูดได้ตลอดเวลา Fifi มักจะกระโดดโลดเต้นไปรอบๆไม่ว่าเธอจะกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม ! ดูเหมือน Fifi จะยุ่งอยู่ตลอดจนคุณจะต้องแปลกใจเมื่อได้รู้ว่าเธอได้ทำอะไรลงไปบ้างในแต่ละ วัน แล้วเธอเอาพลังมาจากไหนในเมื่อเธอใช้เวลาในการพักผ่อนแค่เพียงน้อยนิดเท่า นั้น !
Tracy
Tracy
Tracy
เป็นแรคคูนน้อยที่แสนจะว่องไวและไม่มีพิษมีภัยกับใคร เขามักสร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆอยู่เสมอ Tracy จึงกลายเป็นเพื่อนรักของทุกๆคนไปโดยปริยาย
Tim & Tammy
Tim & Tammy
Tim & Tammy
ไม่ว่าที่ใดจะมีความสนุกสนานเกิดขึ้น คุณจะพบลิงฝาแฝดแสนซนทั้งคู่อยู่ในนั้นเสมอ พวกเขาเป็นลิงที่ตลกที่สุดในโรงเรียน มีความเป็นมิตรและสามารถสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกๆคนได้เสมอ พวกเขาคือนักสร้างเสียงหัวเราะตัวน้อยๆนั่นเอง
Joey
Joey
Joey
เป็นหนูที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันและเป็นเพื่อนที่ดีของทุกๆคน ด้วยความฉลาดและความมีเสน่ห์ของเขา
ทำให้ Joey กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มนักเรียนที่ป็อปปูลาร์ที่สุดในโรงเรียน นอกจากนี้เขายังเป็นนั่งวิ่งลมกรดอีกด้วย
Lorry
กระรอกลึกลับที่โผล่มาเจอ Kitty ในขณะที่เธอกำลังเก็บดอกไม้ เขาเล่าความลับอันน่าทึ่งมากมายเกี่ยวกับป่าให้ Kitty ฟัง
Lorry
Lorry

Moley
Moley
Moley
ตุ่นน้อยขี้อายที่อาศัยอยู่ในสวนของ Kitty คุณสามารถพบเธอได้ที่บริเวณบึงเล็กๆซึ่งเธอใช้เป็นสถานที่สำหรับนอนอาบแดด อย่างมีความสุข
Mary
Mary

 ขอขอบคุณขอมูลจาก

คิตตี้ KITTY : ประวัติคิตตี้
credit : dek-d.com